วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สามสาวทรามทราม





ปากคำของ “หญิงกาก”


กลุ่มละครน้องใหม่ “ลายจุด” Polkadot Production ลูกไม้ใต้ต้นของค่ายดรีมบอกซ์ ประเดิมผลงานแรกด้วย สามสาวทรามทราม ละครเวทีเลื่องชื่อที่ทั้งสนุกและตลก  ทางดรีมบอกซ์เคยนำละครเรื่องนี้ขึ้นเวทีใหญ่มาแล้วหลายครั้ง ทั้งในปี พ.ศ. 2539 ที่แสดงนำโดย รุ้งทอง ร่วมทอง, วราพรรณ หงุ่ยตระกูล, รัชนก พูนผลิน และในปี 2545 ซึ่งมีนักแสดงกิติมศักดิ์ระดับพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงร่วมแสดงกับ “จอย” รินลณี ศรีเพ็ญ และ “เต๋า” สโรชา วาทิตตพันธ์
          สามสาวทรามทราม เริ่มต้นขึ้นด้วย “จังหวะ” แบบเดียวกันละครเวทีอีกหลายเรื่องที่ได้รีวิวไปในปีที่ผ่านมา นั่นคือสามสาวที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มีอันถึงแก่ความตายลงไปพร้อมๆ กัน วิญญาณของพวกเธอจึงต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าบรรดา ส.ส. – สมาชิกสภาสัมภเวสี – ผู้ทรงเกียรติ (ก็คือท่านผู้ชม) ซึ่งมีหน้าที่ตัดสินว่าจะส่งผู้ล่วงลับรายใดไปสวรรค์หรือนรก  ต่างคนจึงต้องมาเล่าเรื่องของตนให้ ส.ส. ฟัง
          เราไม่อาจแน่ใจได้ว่า พวกเธอกระทำการต่างๆ ไปด้วย “ความเชื่อ” เช่นนั้นจริงหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทั้งสามพยายามทำในละครเรื่องนี้ก็คือการ “เล่าเรื่อง” ชีวประวัติของตัวให้ดูดีที่สุด เพื่อโน้มน้าวจิตใจของเหล่า ส.ส. ให้พิพากษาไปในทางที่จะเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่เธอๆ  ทุกคนจึงผลัดเปลี่ยนกันมาเล่าถึงสิ่งที่เคยทำมาในชีวิต ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น จนเติบโตมา “เป็น” ตัวตน  ก่อนที่จะต้องสิ้นชีพ
 “เปิ้ล” สาวนักต้มตุ๋นตาใส (วสุธิดา ปุณวัฒนา) ผู้เชื่อมั่นในหลักการ win-win ตามสมัยนิยม เริ่มจากประสบการณ์เซ็งลี้ของแบรนด์เนมในวัยเด็ก สู่หนึ่งในสมาชิก “แก๊งตกทอง” ตามป้ายรถเมล์ช่วงวัยเรียน จนเติบกล้ามาอุปโลกน์ตัวเป็นเจ้านายฝ่ายเหนือ “เก๊ๆ” เพื่อตอบสนองความต้องการของพวก “คลั่งเจ้า” ที่มีอยู่ดาษดื่นในสังคม
“นวล” สาวบ้านนอกผู้หลงรักตัวเลข (สายฝน ไฝเส้ง) – เช่นเดียวกับคนไทยอีกนับไม่ถ้วน ในหัวของเธอมีแต่ตัวเลข และการพนัน - ซึ่งนวลก็ไม่ลืมที่จะ “เผื่อเหลือเผื่อขาด” ไว้เสมอ ตามคำสั่งสอนของย่า ด้วยการเฉลี่ยทุนทรัพย์ไปกับทุกช่องทาง ตั้งแต่หวยเถื่อน ลอตเตอรี่ ไพ่ ไฮโล ม้า แม้กระทั่งการพนันในวงญาติ ว่าเมื่อย่าทะเลาะกับพ่อของเธอ ย่าจะเอาตะบันหมากขว้างหัวพ่อหรือจะใช้เครื่องมือชนิดอื่น
“แอน” สาวสวยไร้สมอง (มุรธา ปริญญาจารย์) ผู้ไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆ ในชีวิต นอกจากการแย่งสามีของพี่สาว โดยมีคำสัญญาของ “เขา” ว่าอีกไม่นาน เธอจะได้เป็น “หมายเลขหนึ่ง” แทนที่  แอนทึกทักเอาว่าเธอคือ “นางเอกตัวจริง” พร้อมปลอบประโลมใจให้ผ่านชีวิตแต่ละวันด้วยละครโทรทัศน์ นับตั้งแต่เรื่องย่อละครในหนังสือพิมพ์รายวัน ละครรีรันช่วงบ่าย ไปจนถึงละครสุดฮิตช่วงค่ำ 
แต่แล้ววันหนึ่ง วิมานของแอนก็ต้องพังทลายลง เมื่อความจริงเปิดเผยว่า ทั้งเธอและพี่สาวล้วนแต่ตกเป็น “เมียน้อย” ของผู้ชายคนเดียวกัน มิหนำซ้ำ เมียหลวงของเขายังตามราวี  จนเธอวางแผนล้างแค้นด้วยการวางระเบิดร้านทำผมที่เมียหลวงชอบมาใช้บริการ  แม้ว่าท้ายที่สุด เธอดูเหมือนจะเปลี่ยนความคิด ทว่าความพยายามกู้ระเบิดตามวิธีที่เคยเห็นในละครแอ็กชั่นกลับล้มเหลว ชีวิตของแอนปลิดปลิวไปพร้อมกับชีวิตของเปิ้ลที่มาทำผมทรงอองซาน ซูจี ประดับช่อกล้วยไม้ เตรียมออกงานใหญ่ในฐานะ “เจ้านางน้อย” แถมพกด้วยนวลที่แค่บังเอิญหลงทางมา แล้วกำลังพยายามวิ่งหาที่ฟังวิทยุวันหวยออกพอดี
          ด้วยตัวบทที่ “ส่ง” อย่างยิ่ง ก็ต้องถือว่าเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักแสดงหญิงรุ่นใหม่ทั้งสามคน  ซึ่งเรียกได้ว่า ล้วน “น่าจับตา” เป็นพิเศษ  ไม่ว่าจะเป็นมุรธา ปริญญาจารย์ ( “อ้อมพร” แห่ง น้ำใสใจจริง เดอะมิวสิคัล ของดรีมบอกซ์) หรือวสุธิดา ปุณวัฒนา (“หวาน” จาก รักสยามสถานี ของกลุ่มละครเสาสูง)
โดยเฉพาะ สายฝน ไฝเส้ง ซึ่งอาจยังถือได้ว่า “หน้าใหม่” สำหรับผู้ชมละครเวทีชาวกรุง  แต่ทั้งโดยรูปร่างหน้าตาที่ดูเป็นธรรมชาติ บวกกับการใช้ภาษาใต้ (อันเป็น “ภาษาแม่” ของเธอ) ในเรื่องเล่า  สายฝนก็ทำให้บทของ “นวล” มีชีวิตชีวาได้อย่างน่าสนใจยิ่ง
สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือกระบวนการของสามสาวทรามทราม ที่เรียกตัวเองว่าเป็น “ละครเวทีอินเตอร์แอคทีฟ” นั่นคือ ผู้ชมในฐานะสมาชิกสภาสัมภเวสี เป็นผู้กำหนดชะตากรรมของทั้งสามสาว ว่าใครจะได้ขึ้นสวรรค์ หรือใครจะต้องตกนรกหมกไหม้ ด้วยการโหวตลงคะแนน
          กระบวนการเช่นนี้ทำได้ดียิ่งในละครโรงเล็ก เช่นในบลูบอกซ์สตูดิโอ ซึ่งจุผู้ชมได้เพียงราว 40 คน (และนั่นอาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทาง Polkadot Production เลือกนำเสนอสามสาวทรามทราม เวอร์ชั่น 2553 ที่นี่) มิหนำซ้ำ “ประธานสภา” (นิธิวดี ตันงามตรง เล่นสลับกับณัฐฏกร ถาวรชาติ) ยังสามารถซักไซ้ไล่เลียงต่อไปได้เล็กๆ น้อยๆ ด้วย ว่ามีใครที่ “โหวต” ให้สาวนางไหนแบบใดบ้าง และด้วยเหตุผลกลใด
           เช่นเดียวกับการโหวตในรายการเรียลลิตี้โชว์ยอดนิยมแห่งยุค บรรดาผู้ชมก็จะได้ร่วมเป็นสักขีพยานในความ “วายป่วง” ของบุคคลที่ตนเองไม่ชอบขี้หน้า หรือไม่ได้รับคะแนนเสียงโหวตอย่างพอเพียง เมื่อสาวที่ถูกตัดสินว่า “ชั่ว” ว่า “ทราม” ต้องร่วงหล่นลงไปสู่อบายภูมิ “ต่อหน้าต่อตา” ขณะเดียวกัน ก็จะได้ตระหนักในพลานุภาพแห่ง “ประชามติ” ของตน เมื่อสาวที่ได้รับคัดเลือกให้ขึ้นสวรรค์ก็จะได้ครองมงกุฎเทพธิดา เถลิงถวัลย์ขึ้นสู่วิมานชั้นฟ้า ท่ามกลางเสียงมโหรีบรรเลง ดอกไม้ทิพย์โปรยปราย ในบัดดล
          แต่แล้ว - ก็อย่างที่สาวคนหนึ่งหันมาตั้งคำถามตรงๆ เอากับคนดูก่อนจะต้องตกนรกหมกไหม้ว่า “พวกคุณดีนักหรือไง ถึงได้มาเที่ยวตัดสินคนอื่น ? พวกคุณไม่เคยทำผิดกันเลยหรือ...”
          แน่นอนว่า เราไม่เคยรู้จักเธอทั้งสามคนมาก่อน ทุกคนเพิ่งรู้จักก็เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ และเรารู้เฉพาะสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง  แม้กระทั่งว่า เมื่อละครจบลงแล้ว สิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่เธอเป็น คือสิ่งเดียวกันหรือไม่ เราเองก็ไม่อาจแน่ใจได้
          นั่นสินะ เราเป็นใครกัน ถึงจะได้เที่ยวไปตัดสินคนอื่น !



สามสาวทรามทราม
กลุ่มละคร Polkadot Production
บทละคร ดารกา  วงศ์ศิริ
กำกับการแสดง ลลดา  กุศลศักดิ์
นักแสดง มุรธา  ปริญญาจารย์, วสุธิดา ปุณวัฒนา, สายฝน ไฝเส้ง
บลูบอกซ์สตูดิโอ (ชั้น 2 M Theatre)
พฤศจิกายน 2553
 เผยแพร่ครั้งแรก ที่นี่ ธันวาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น